ท่ามกลางทิวเขาสลับซับซ้อนของจังหวัดเพชรบูรณ์มีชุมชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของอดีตกาล ชุมชนที่ดำรงวิถีวัฒนธรรมเฉพาะตัวอย่างมั่นคงมายาวนานนับศตวรรษ ที่นี่คือ บ้านลำตะคร้อ ในตำบลกันจุ อำเภอบึงสามพัน หมู่บ้านที่แม้จะดูเงียบเรียบง่าย หากแต่แฝงไว้ด้วยวัฒนธรรมอันล้ำค่าของกลุ่มชาติพันธุ์ ไททรงดำ หรือ ไตดำ ที่ยังคงรักษาอัตลักษณ์ดั้งเดิมได้อย่างเหนียวแน่นและนี่คือเรื่องเล่าของผู้คนที่แบกวัฒนธรรมข้ามพรมแดน มาปลูกไว้กลางขุนเขาเพชรบูรณ์
เรื่องราวของไททรงดำเริ่มต้นจากดินแดนแถบลุ่มน้ำดำและน้ำแดง ในบริเวณตอนเหนือของเวียดนามและลาวในปัจจุบัน โดยในช่วงปลายกรุงศรีอยุธยาและต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ไตดำ หรือที่คนสยามเรียกเขาว่า ไทยทรงดำหรือลาวโซ่ง เป็นชาติพันธุ์ตระกูลไทหรือไต ที่เคยมีดินแดนบ้านเมืองเป็นของตัวเอง ในบริเวณที่เคยถูกเรียกว่าแคว้นสิบสองจุไท ที่มีเมืองสำคัญ เช่น เมืองลอและเมืองแถนหรือเดียนเบียนฟู ที่อยู่ทางตอนเหนือของเวียดนามติดกับลาวในปัจจุบัน ชาวไทดำจำนวนมากถูกกวาดต้อนเข้ามายังแผ่นดินสยาม อันเนื่องมาจากภาวะสงครามและยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศของรัฐไทยในอดีต จากการอพยพนั้น ชาวไทดำได้ตั้งถิ่นฐานกระจายอยู่หลายแห่งในประเทศไทย เช่น จังหวัดสุพรรณบุรี อุดรธานี เลย และเพชรบูรณ์ โดยบ้านลำตะคร้อคือหนึ่งในชุมชนที่สืบทอดรากเหง้าและวัฒนธรรมของบรรพชนไว้อย่างชัดเจน
เสน่ห์ของบ้านลำตะคร้ออยู่ที่วิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง ชาวบ้านยังคงพูดภาษาไทดำในชีวิตประจำวัน เคารพต่อผีบรรพบุรุษ มีพิธีกรรมเฉพาะตระกูลอย่าง “เสนเรือน เสนบ้าน” ที่สะท้อนระบบความเชื่อและโครงสร้างครอบครัวแบบดั้งเดิม เสื้อผ้าของหญิงไทยทรงดำมีเอกลักษณ์ด้วยชุดดำสนิท ปักลวดลายสีสดและห่มผ้าซิ่นลายเฉพาะเผ่า เป็นภาพที่ทั้งสะดุดตาและเต็มไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรม ไตดำ มีอัตลักษณ์ที่งดงามหลายอย่างโดยเฉพาะเครื่องแต่งกายที่ใช้แต่สีดำ ใช้ผ้าสีสดใสตัดปะเป็นลายดอกประดับเสื้อ ใช้กระดุมเงิน 11 เม็ด ผู้หญิงนุ่งผ้าถุงลายแตงโม ปลายบาน ทรงหน้าวัวหรือหน้าสั้นหลังยาว พาดบ่าด้วยผ้าเปียว ผู้ชายใส่กางเกง บ้านยกสูงมีใต้ถุน หลังคามุงหญ้าเป็นทรงกระดองเต่า นิยมทำการเกษตร มีวัฒนธรรมประเพณี เช่น การอินก๊อนฟ่อนแก้น มีวิถีชีวิตทำการเกษตร มีการอยู่อาศัย อาหาร และใช้ภาษาตระกูลไทกะไดเป็นของตัวเอง นับถือผีบรรพบุรุษ โดยในบ้านจะมีห้องโดยเฉพาะสำหรับบรรพบุรุษที่จะต้องนำอาหารไปให้ทุก ๆ วัน และนับถือผีแถนเป็นใหญ่สูงสุด โดยมีความเชื่อว่าไตดำตายไป วิญญาณจะไปรวมอยู่กับผีแถนที่ถิ่นกำเนิดที่เมืองแถน
อีกหนึ่งความภาคภูมิใจของชาวลำตะคร้อ คือ “การรำพื้นบ้าน” อาทิ รำแคน รำฟ้อน ซึ่งถ่ายทอดลีลาอ่อนช้อยผ่านท่วงทำนองดนตรีพื้นถิ่น ที่ไม่เพียงให้ความบันเทิง แต่ยังสะท้อนวิถีชีวิต ความเชื่อ และความสามัคคีในชุมชน เด็กและเยาวชนในหมู่บ้านหลายรุ่นยังได้รับการฝึกฝนให้เรียนรู้การรำเหล่านี้ เพื่อให้ศิลปะวัฒนธรรมไม่สูญหายไปตามกาลเวลา รวมถึงฟ้อนไททรงดำ” การแสดงพื้นบ้านที่นำเสนอผ่านท่วงท่าการเล่นลูกช่วง การโยนลูกผ้าสี่เหลี่ยมเพื่อเกี้ยวพาราสีในอดีต อันเป็นการสื่อความรักแบบงดงามของหนุ่มสาวไตดำ
อาหารพื้นบ้านของชาวไททรงดำก็โดดเด่นไม่แพ้กัน หากได้มาเยือนลำตะคร้อ ไม่ควรพลาดลิ้มรสเมนูอย่าง ข้าวพันไม้ไผ่ ข้าวเหนียวนึ่งในกระบอกไม้ไผ่แบบโบราณ, แกงหยวกกล้วย, หมกปลาใส่ใบยอ, และ ขนมโค ขนมพื้นบ้านที่หอมหวานเคล้าความทรงจำของวัยเยาว์ ทุกเมนูล้วนสะท้อนภูมิปัญญาในการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมารังสรรค์เป็นอาหารที่ทั้งเรียบง่ายและเปี่ยมเสน่ห์ นอกจากนี้ยังมีหนึ่งในเอกลักษณ์ที่ชวนให้หลงใหลคืออาหารพื้นถิ่นอย่าง ผักจุ๊บ หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า “ยำผัก” ซึ่งเป็นอาหารประจำพิธีกรรม ชาวบ้านจะนำผักพื้นบ้านหลากชนิดมานึ่ง ซอย คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงพื้นถิ่นอย่างพริกคั่ว มะแขว่น ข่า ตะไคร้ และน้ำปลาร้าหอมฉุน รสชาติเผ็ด เค็ม เปรี้ยวจัดจ้านที่กินแล้วให้ความรู้สึกถึงรากเหง้าของชาติพันธุ์
ปัจจุบันมีชุมชนไตดำอยู่หลายแห่ง ทั้งภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง รวมทั้งจังหวัดเพชรบูรณ์ด้วย ซึ่งขณะนี้มี 40 กว่าครอบครัว ที่บ้านลำตะคร้อ ต.กันจุ อ.บึงสามพัน ซึ่งไตดำทุกกลุ่มก็ยังคงยึดมั่นรักษาวัฒนธรรมประเพณีของตัวเองอย่างเหนียวแน่น แม้จะต้องจากถิ่นกำเนิดของบรรพบุรุษมากว่า 200 ปีแล้วก็ตาม แม้โลกภายนอกจะเปลี่ยนไปเพียงใด แต่ชาวลำตะคร้อก็ยังยึดมั่นในวัฒนธรรมของตน ในขณะเดียวกันก็เปิดใจต้อนรับผู้มาเยือนด้วยมิตรไมตรีแบบไทย ๆ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัส “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต” ที่สืบทอดมาแต่โบราณ
การเดินทางมาบ้านลำตะคร้อ ไม่เพียงแต่จะได้ชื่นชมทัศนียภาพของชนบทที่งดงามเท่านั้น หากยังเป็นโอกาสพิเศษในการเรียนรู้ว่าการอพยพของผู้คนในอดีต ไม่ได้หมายถึงเพียงการย้ายถิ่นฐาน แต่คือการพกพา “รากเหง้า” มาปลูกไว้ในแผ่นดินใหม่ และปล่อยให้มันเบ่งบานเป็นอัตลักษณ์ที่งดงาม
เรียบเรียงข้อมูลจาก ดร.วิศัลย์ โฏฆษิตานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์
เรียบเรียงโดย วิริทธิ์พล หิรัญรัตน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น